ยินดีต้อนรับสู่ NWOW ไทยแลนด์ – แบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมทั่วโลก
ไขข้อสงสัย มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจดทะเบียนได้ไหม มีข้อจำกัดอะไรบ้าง!
ใครก็ตามที่กำลังแพลนซื้อ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และอาจจะมีความกังวลว่าจะสามารถจดทะเบียนขอใบขับขี่ เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันได้หรือไม่? บทความนี้จะมาบอกว่า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจดทะเบียนได้ไหม แล้วมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจซื้อรถได้อย่างถูกต้อง รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งาน
ขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบนถนน ผิดกฏหมายหรือไม่?
ปัจจุบัน เทคโนโลยีของยานพาหนะต่างก็มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่มากขึ้น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ก็เช่นกัน หลายคนเริ่มนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แน่นอนว่าข้อดีก็คือช่วยประหยัดเงิน ประหยัดค่าซ่อมบำรุง ช่วยลดมลภาวะ เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ที่ทำให้เกิดท่อไอเสีย อีกทั้งปัจจุบัน จุดชาร์จไฟก็มีให้บริการมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้นในอนาคต นั่นก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่หลายคนตัดสินใจซื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ทุกรุ่นจะสามารถนำไปใช้วิ่งระยะไกลได้ ซึ่งการนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปวิ่งบนถนนใหญ่โดยไม่มีใบขับขี่เข้าข่ายผิดกฏหมาย ทำให้ในปัจจุบันก็มีรถมอไซค์หลากหลายรุ่นที่เปิดให้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โดยราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2563 ซึ่งได้กำหนดนิยามของ “กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า” หมายถึง กำลังพิกัด (Rated Power) หรือกำลังขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที ของมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงกำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเอาไว้ดังนี้ ซึ่งหากตรงตามเกณฑ์ ก็สามารถจดทะเบียนขอใบขับขี่ได้
● รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ และสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
● รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ไม่เกิน4 กิโลวัตต์ และสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าของรถข้างต้น ต้องสามารถขับเคลื่อนรถในขณะที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก (Gross Vehicle Weight) ตามที่ผู้ผลิตกำหนดด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กำหนดในประกาศนี้ ได้ต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ ต้องสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องติดสติ๊กเกอร์ “s” ที่บริเวณด้านท้ายของตัวรถ ขณะที่สติ๊กเกอร์ ตัวอักษร “e” สำหรับรถเก๋ง ที่ไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์
ขอใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ต้องทำอย่างไร
อย่างที่กล่าวไปว่า การนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาใช้ โดยไม่มีการนำไปจดทะเบียน จะมีความผิดทางกฏหมาย ส่งผลให้ถูกเจ้าหน้าที่จราจรจับกุม และเรียกค่าปรับได้ โดยการจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามารถจดทะเบียนได้ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากและรับป้ายทะเบียนได้ทันที โดยคุณสามารถทำเรื่องได้ที่สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถจักรยานยนต์ อาคาร 2 ของกรมการขนส่งทางบก ถนนพหลโยธิน เบอร์โทรศัพท์ 0-2271-8805 ส่วนถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด สามารถทำเรื่องได้ที่สำนักงานขนส่งทางบกประจำจังหวัดได้เลย แต่ก่อนที่จะไปจดทะเบียน อย่าลืมเช็กให้ชัวร์อีกครั้งว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของคุณผ่านการตรวจสภาพหรือแล้วหรือยัง ถ้ายัง ควรนำไปตรวจสภาพรถเสียก่อน
สำหรับเอกสารในการขอจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มีดังนี้
● สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ
● หนังสือแจ้งจำหน่ายจากบริษัทผู้ผลิต
● สัญญาซื้อขายรถ หรือใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีรถ
● หลักฐานการประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน ให้แนบแบบคำขอจดทะเบียนรถรวมทั้งหนังสือมอบอำนาจมาด้วย
การขอจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะมีค่าธรรมเนียมรถใหม่ราคา 315 บาท, ใบคู่มือจดทะเบียนรถราคา 100 บาท, ป้ายทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ราคา 100 บาท, และค่าภาษีประจำปี โดยราคาจะขึ้นกับประเภทของรถมอเตอร์ไซค์ เท่านี้ ก็สามารถนำไปขับขี่ระยะไกลโดยไม่ต้องกลัวถูกตำรวจจับแล้ว
รู้แบบนี้แล้ว ใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แบบใช้ได้ในระยะทางไกลๆ นอกจากจะต้องไปทำเรื่องขอใบขับขี่แล้ว เราต้องดูด้วยว่า หากคุณต้องการนำไปขับขี่บนถนน กำลังมอเตอร์จะส่งผลต่ออัตราความเร็วสูงสุดและอัตราการเร่งเคลื่อนมากแค่ไหน แน่นอนว่าการเลือกมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์สูง จะช่วยเร่งเครื่องและหลบหลีกได้คล่องตัวกว่า ไม่เพียงเท่านั้น เราต้องมาดูด้วยว่าต่อการชาร์จใน 1 ครั้ง สามารถครอบคลุมการใช้งานได้ขนาดไหน ชาร์จครั้งเดียวเอาอยู่หรือเปล่า ซึ่งเราต้องประเมินสถานการณ์ด้วยว่า ถ้ากรณีแบตเตอรี่หมด จะสามารถหาจุดชาร์จนอกบ้านได้หรือไม่ แม้ปัจจุบันจะมีจุดชาร์จรองรับแล้วก็ตาม อันนี้ก็สำคัญนะ เพราะถ้าเกิดแบตหมดกลางทาง แต่ดันหาที่ชาร์จไม่ได้ เรื่องใหญ่ไม่น้อย และอีกเรื่องที่ควรตัดสินใจก่อนซื้อ นั่นก็คือ บริการหลังการขาย กรณีใช้งานแล้วเกิดปัญหา สามารถขอความช่วยเหลือได้ เพราะ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อาจจะหาร้านซ่อมยากกว่า ร้านซ่อมจักรยานยนต์ทั่วไป
และถ้าคุณกำลังมองหารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า เราขอแนะนำ NWOW เราคือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทางเลือกใหม่ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศและทางเสียง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง line คลิก
0995013731
021252093
สแกนเพื่อติดตาม
เราได้ที่ไลน์